เมื่อรู้เขา มีเจ้าของแล้ว อย่ าฝืนอยู่ต่อเลย ควรถอนตัวตั้งแต่ต้นล ม
การที่เรากำลังคุยกับใคร ทั้งที่รู้ว่าเรามีใจกับเขานี่ก็เป็นต้นเหตุของความทุ กข์
อันย ากจะถอนตัวแล้ว ถ้าว่ากันในแง่ของศีลก็ไม่ได้ผิ ดหร อกครับเพราะว่าศีลข้อกาเมสุมิ จฉาจาร
นั้นตัดสินว่าผิดกันที่ไปมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่ของตน
แต่ไม่ผิ ดศีล แล้วผิ ดที่ไหนอีกหรือเปล่าผิดที่จิตไงครับ!”คุณรู้สึ กผิ ด
มั๊ยล่ะถ้ารู้สึกผิ ดก็แปลว่า จะต้องมีมลทินทางใจ มลทินทางใจนี่แหละ คือตัวทำให้เกิดความรู้สึ ก
ขึ้นมาถามว่า ความรู้สึกผิดเป็นทุ กข์หรือเป็นสุข ทุ กคนตอบได้ว่ามันเป็นทุ กข์อยู่ชัดๆรู้ว่าเป็นทุ กข์
แล้วทำไมถึงยังยอมคำตอบก็คือ กิเลสมันครอบงำจิตอยู่กิเลสมันปิ ดบังจิตอยู่
กิเลสชื่อราคะทำให้จิต โ ง่ไปทำให้จิต ต้องทนทุ กข์ทำให้จิต ต้องกระวนกระวายเพื่อสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
หรือสิ่งที่ไม่น่าจะเป็น ‘ถามตัวเอง’ ง่ายๆนะครับว่าความรู้สึ กผิ ด เป็นทุ กข์หรือเป็นสุข
ถามตัวเองบ่อยๆนะหมั่นถามตัวเองแล้วจะพบว่าจิตเขาคิดของเขาเองได้จริงๆ
คุณตั้งคำถามแบบนี้ก็นับว่าใช้ได้แล้วนะที่ว่าไปชอบคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนเนี่ยถือว่า ผิดมั๊ย
เพราะนั่นสะท้อนให้เห็นนะครับว่าใจของคุณยัง ‘พร้อมที่จะรู้สึ กผิ ด’
กับเรื่องผิ ดๆอยู่ถ้าหากว่า เราได้กลิ่นควันไฟก็ยังไม่สาย
ที่จะถอนตัวตั้งแต่ยัง ‘ต้นลม’แต่ถ้าหากว่าเรายังคิดแต่ว่า
ไม่เป็นไร ยังไม่ผิ ดศีลในที่สุดเราก็จะเอาตัว เข้าไปผู กรั ดอยู่กับ ‘บ่ วงทุกข์’
หลักการง่ายๆ ถ้ารู้ว่า มีใจอยู่กับใครแล้วรู้ว่าเขามีแฟนหรือภรรย าอยู่แล้วอย่ า
ไปต่อ อย่ าไปพูดมันต้องใช้การ “หักดิบ” ตรงที่เราอนุโลมตัวเองให้พูด ให้คุย ไปสักระยะทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า มันมีใจ
แต่ก็ยังขืนคุยมันก็จะมีเงื่อนไขที่ย ากขึ้นไปอีก ปั ญหาของคนหนุ่มสาวยุคปัจจุบันก็คือสามารถ ‘ผิ ดศีล’
ได้โดยไม่รู้สึ กผิ ดเนี่ยสิ !เดี๋ยวนี้คนไม่เชื่อเรื่องโท ษของการผิ ดศีลกันเท่าไหร่แล้วทั้งๆที่
เรื่องของการนอกใจเรื่องของการไปมีความรักความใคร่กับ คนอื่นที่ไม่ใช่คู่เนี่ยมันเหมือน ‘เต้นอยู่บนพื้นไฟ’ ดีๆนี่เอง
ขอบคุณ :สบายตา