คนที่คุณควรตัดออกไปจากชีวิต อย่ าไปเสี ยเวลาด้วย

เรามีเพื่อนกันมากมาย ทั้งเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็ก

เพื่อนร่วมสถาบันเพื่อนที่ทำงาน เพื่อนจากสมาคมต่างๆ รวมถึงเพื่อนในโลกออนไลน์ด้วยบางคนแต่งตัวดี ดูภูมิฐาน พูดจาดี

แต่ถ้าได้ลองคบดูลึกๆแล้วถึงได้เห็นธ าตุแท้ของแต่คนละว่าเป็นยังไง บุคคลที่ไม่ควรคบ ไม่ควรเอาไว้ใกล้ตัว ห่างได้เป็นห่าง อย่ าไปข้อเกี่ยวด้วย จะดีที่สุด

1. ไม่รู้จักขอบเขตของคำว่า ‘เพื่อน’

ถึงจะบอกว่าสนิทกันแค่ไหน ควรเว้นระยะ และเข้าใจคำว่า

พื้นที่ส่วนตัวด้วยถามว่าแล้วจะรู้ได้อย่ างไรว่าเท่าไหนถึงเรียกว่าไม่ล่วงเกินขอบเขต เอาหลักง่ายๆไม่อย ากให้ใครทำกับเราแบบไหนก็อย่ าทำแบบนั้น

แต่กับบางคนเขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งที่ทำน่ะมันเกินขอบเขตน้องๆ อาจจะพูดกับเพือนไปตรงๆ

แต่ก็อย่ าใช้คำพูดรุนแรง หรือถ้าคุยแล้วไม่รู้เรื่อง

เขายังทำแบบเดิมซ้ำๆ สถานะมายเ ฟ รนด์ก็คงต้องลดเหลือแค่คนเคยรู้จักพอ

2. ยื มเงินแต่ไม่คืน

มีหลายคนแล้วที่ต้องแ ต ก หั กกันเพราะเรื่องเงิน

เป็นเพื่อนกันย ามเ ดื อด ร้ อนถ้าช่วยเหลือได้ก็สมควรที่จะช่วยเหลือกันค่ะแต่ในกรณีที่ถ้าเพื่อนคนไหนมายืมเงินเราบ่อยๆ

แต่เวลาคืนกลับทำเหมือนไม่อย ากคืนและแ ก ล้ งทำเป็นลืมๆ ผลัดวันประกันพรุ่ง

3. เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง รับฟังความต่างไม่ได้

ไม่รับฟังความคิดเห็นใคร บางครั้งสิ่งที่คนเราคิดอาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป

คนรอบข้างที่เขาเตือนก็ควรจะรับฟัง แล้วเอามาไตร่ตรองดู ไม่ใช่ไม่ฟังใคร ไม่เปิดใจ ดีแต่จะให้คนรอบข้างฟังและทำตามอย่ างที่ตัวเองคิดเพียงอย่ างเดียว

คนที่เป็นเพื่อนกันก็ต้องรู้จักพูด พร้อมกับขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักฟังเพื่อนด้วยไม่ใช่เอาแต่ความคิด

และตัวเองเป็นที่่ตั้ง ใครเขาจะอย ากร่วมเคียงข้างไปกับคุณได้ทุกเวลา

4. กอบโ ก ยผลประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว

บุคคลประเภทนี้มักจะแอบแฝงมาในรูปแบบเพื่อนหรือคนสนิทต่างๆเข้ามาหาคุณ

ใครจะไปรู้ว่าแท้จริงแล้วเหตุผลที่เขาเข้าหาคุณนั้นเพียงเพื่อจะมาเอาผลประโยชน์จากคุณเท่านั้นซึ่งอาจจะเป็นทรัพย์สินที่คุณมีอยู่

อาจจะเป็นแรงกาย หรือทรัพย์สินทางสติปัญญาของคุณเพื่อโอนเข้าทางประโยชน์ข

5. เพื่อนพาเ ล ว

กิจก ร ร มห่ามๆ เชื่อว่าวัยรุ่นทุกคนก็คงอย ากลอง

แต่ครั้นหากเจอเพื่อนที่ชวนทำแต่เรื่องเ ล วๆ ตลอด อาทิ มั่ วสุม อบายมุข เล่น พ นั น

ไม่เคยจะชวนกันไปทำกิจก ร ร มอะไรสร้างสรรค์

แยกแยะผิ ดชอบชั่ วดีไม่ออก ขั้นแรกก็เตือนเพื่อนหน่อย ถ้ายังไม่ฟังก็ถอยออกมาดีที่สุด

6. ทำตัวเป็น “งุเ ห่ า” เลี้ยงไม่เชื่อง

สมัยเด็กคุณคงเคยได้ยินนิทานก่อนนอนเรื่อง “ชาวนากับงุเ ห่ า” มาบ้างแล้ว บางทีคุณไม่ได้โ ง่หรอก

ที่เมื่อเพิ่งรู้จักกันระยะแรกคุณมองไม่ออกว่าคนรอบตัวคุณใครคือ “งุเ ห่ า”ด้วยความที่คุณเป็นคนดีคุณก็เมตตาคนประเภทนี้ไปเรื่อยๆ

แต่คนประเภทนี้นอกจากเขาอาจจะไม่ได้ตอบแทนคุณด้วยการขอบคุณ

หือความรู้สึกที่ดีต่อคุณ เขายังไปฉ ก กั ดคุณ มีความริษย าในดวงใจ จ้องจะทำร้ า ยคุณเป็นผลตอบแทน

องเขา

7. เป็นนักกุเรื่อง ชีวิตไม่อยู่บนฐานความเป็นจริง

บุคคลประเภทนี้มักชอบพูดเรื่องเท็จเป็นกิจจะลักษณะ

ไม่สนใจว่าสิ่งที่ตนเองได้ให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงต่อผู้อื่นไปแล้วฝ่ายตรง

ข้ามจะถูกคนในสังคมมองเช่นไร บุคคลประเภทนี้มักชอบพูดจาบิ ดเบือนความจริง

จนบางครั้งคุณก็น่าจะรู้สึกได้ด้วยตัวคุณเอง

8. ให้ช่วยตลอด 24 เหมือนเป็นอีกอวั ยวะในร่างเธอ

เป็นเพื่อนกันต้องช่วยเหลือกันในย ามเดื อด ร้ อน ใช่ค่ะ เป็นเรื่องที่สมควรทำ

แต่หากเจอเพื่อนประเภทแบบว่าให้ช่วยทุกเรื่องช่วยแทบจะ 24 ชั่วโมง เรื่องเล็กๆ น่้อยๆ ที่ลงมือทำเองได้ก็ไม่ทำ แต่ให้เพื่อนช่วย

พอไม่ช่วยก็มีอาการขุ่นเคืองโน่นนี่นั่น

อย่ าเสี ยเวลาเลยค่ะเจอคนแบบนี้ วิ่งออกมาเลยเถอะ

9. พูดว่าตำหนิแต่คนอื่น

ไม่มีใครที่ไม่ถูกนินทา หรือถูกพูดลับหลังก็จริง

ยิ่งเวลาชาวแ กงค์รวมตัวกัน จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะสุ มหัวกันเม้ามอยคนอื่น แต่สำหรับคนที่เจอทีไรก็ไม่มีเรื่องสร้างสรรค์อื่นๆ มาพูดมาคุยบ้าง มีแต่เรื่องว่าคนอื่นล้วนๆ

คนนั้นก็ไม่ดี คนโน้นก็ไม่ดี ว่าแต่คนอื่น จ้องจับผิ ดแต่คนอื่นไปทั่ว มีอยู่คนเดียวที่ดีคือตัวเอง