ข้อคิดดีๆ หัดอยู่กับทุ กข์ให้เป็นสุข เพราะจำเป็นเวลาที่ไม่เหลือใคร

อยู่กับทุ กข์ให้เป็นสุข ข้อคิดดีๆ อ่ านได้ทุกวัย โดย ท่าน ว.ว ชิ ร เ ม ธี

เรื่องราวของ ความทุ กข์ และ ความสุขแท้ที่จริงแล้วพระพุ ท ธ ศาสนาไม่ใช่ศาสนาที่สอนให้มองโลกในแ ง่ดี หรือ มองโลกในแ ง่ ร้ า ย

แต่พระพุทธศาสนาสอนให้มองโลกตามความเป็นจริง นั่นคือ มองโลกอย่ างที่โลกมันเป็น ไม่ใช่อย่ างที่เราอ ย า กให้เป็น

ความทุ กข์ เป็นความจริงอย่ างหนึ่งที่มีอยู่คู่กับโลก แต่ ความสุข ก็เป็นความจริงอีกอย่ างหนึ่งที่เคียงคู่มากับความทุ กข์ด้วยเช่นกัน

และโลกก็ไม่ได้มีเพียงความสุขความทุ กข์สองอย่างนี้เท่านั้น ทว่าโลกนี้ยังมีภาวะที่เรียกว่า เหนือสุขเหนือทุ กข์ อยู่อีกด้วย

ทำอย่ างไรดีนะเราจึงจะออกมาจากความทุ กข์ได้อย่ างเบ็ ดเสร็จเด็ ด ข าด หรือถึงไม่ออกมาอย่ างเบ็ ดเสร็จเด็ ด ข าด ก็ขอแต่เพียงอยู่กับความทุ กข์อย่ างเป็นมิตรก็พอแล้ว

เรามาลองเรียนรู้วิธีอยู่กับความทุ กข์ให้เป็นสุขกันดีกว่า..

1. อยู่กับความจริง ทิ้งความกังวล

ความทุ กข์หลายอย่ างในชีวิตของเรา ถ้าว่ากันตามเนื้อผ้ าแล้วสัดส่วนของความทุ กข์จริง ๆ

จะมีไม่มาก แต่บางครั้งที่รู้สึกทุ กข์มาก ๆ เป็นเพราะว่าเราสร้าง ภ าพความทุ กข์นั้นให้ใหญ่โตเกินจริงเช่น ใครบางคนพอรู้ว่าจะไปสอบสั มภ าษณ์วันพรุ่งนี้ คืนนั้นทั้งคืนนอนไม่หลับ คิดโน่นคิดนี่วุ่นวายไปหมด กลั วว่าจะสอบสัมภ าษณ์ไม่ผ่าน

กลั วว่าจะตอบคำถามไม่ได้ กลั วว่าเสื้ อผ้าที่สวมใส่จะดูไม่ดี กลั วว่าหน้าจะไม่ใส กลั วว่าความรู้ความสามารถของตัวเองจะไม่สอดคล้องกับที่บริษั ทนั้น ๆ

เรากลั วไปส ารพั ด อย่ าง ทั้ง ๆ ที่ในสถานการณ์จริง สิ่งที่เรากลั วมาตั้งสิบอย่ างนั้นอาจเกิ ดขึ้นจริงเพียงอย่ างเดียงเท่านั้น

แต่กว่าจะรู้เช่นนี้ได้ เราก็ปล่อยให้ความทุ กข์ที่เรากั ง ว ลนั้นทำ ร้ า ย เรามาแล้วทั้งคืน นี่แหละคือความทุ กข์ที่เกิ ดจากการสร้างภาพของเราเอง

ความทุ กข์อย่ างนี้เรียกว่า ทุ กข์เพราะอุ ป ท าน หรือทุ กข์เพราะฉันสร้างมันขึ้นมาเองจากความกั ง ว ล

ดังนั้น หากเรากำลังทุ กข์ด้วยเรื่องใด ลองถามตัวเองดูซิว่า สิ่งที่กั ง ว ล อยู่นั้นมันน่ากลั วจริงๆ

หรือว่าเป็นเพียงสิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมากันแน่ ลองแ ย กทุ กข์แท้ๆ ออกจากความกั ง ว ลให้ได้ แล้วจะเห็นว่า ทุ กข์แท้ๆ ที่ควรทุ กข์มีอยู่นิดเดียวเอง

2. ฝึก ช่างมัน ให้เคยชิน

วิธีคลายทุ กข์ประการที่สองนี้ก็ลองสืบเนื่องมาจากตัวอย่ างข้างต้น เราจะเห็นว่า การใช้ชีวิตอยู่ในสังคมทุกวันนี้ สิ่งที่คนเราแ คร์มากที่สุด

นอกจากเรื่องราวของตัวเองแล้ว ก็คือ สังคม หรือ สายตาของคนอื่น

สายตาของคนอื่น นั้นมีอิทธิพลต่อความทุ กข์ความสุขในชีวิตของคนเรามาก

เราจะเป็นอย่ างไร จะใช้ชีวิตอย่ างไร ความจริงก็น่าจะเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับดุล ย พินิ จ ของเราเองล้วนๆ

แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง เรามักไม่เชื่ อมั่นในวิ จ ารณ ญ าณของตัวเอง เรามักคิดเสมอว่า เมื่อเราเป็นอย่ างนี้ พูดอย่ างนี้ ทำอย่ างนี้ เดินอย่ างนี้ ใช้ชีวิต

อย่ างนี้ คบเพื่อนคนนี้ แล้วคนอื่นจะมองเราอย่ างไร หรือตัวตนของฉันในสายตาคนอื่นจะเป็นอย่ างไร

สายตาของคนอื่น คือสไ ต ลิ สท์ตัวจริงที่คอยจับเราเหวี่ ยงไปเหวี่ ยงมาจนสูญเสี ยความเป็นตัวของตัวเอง เพราะมั วแต่ใช้ชีวิตตามที่สังคมคาดหวัง เ ก ร งว่า

ถ้าไม่แสดงตนอย่ างที่คนทั่วไปเขาคาดหวัง อั ตลั กษณ์ ของตัวเองจะหายไป

เรื่องบางเรื่องลองหัดเป็นตัวของตัวเองดูบ้างก็ได้ พระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเขี ยน ก วีนิ พ นธ์เรื่อง

ช่างมัน เอาไว้ไพเราะมาก ขอคัดมาให้อ่ านกันเป็นข้อคิดสะกิ ดใจ เผื่อว่างเมื่อไรจะได้อ่านแล้วฝึก

ช่างมัน เสี ยให้ชินความทุ กข์จากการที่ต้องแ คร์สายตาคนอื่นจะได้บรรเ ท าเบาบางลง

แค่มองโลกตามความเป็นจริงไม่เอาใจไปจับสิ่งเหล่านั้น ความทุ กข์ก็จะคลายลง

ความสุขก็จะไม่ตัวตนทุกๆ วันนี้ มองรอบๆ ตัวเห็นมีแต่คนทุกข์ ย า กดีมีจน ตำแหน่งสูงใหญ่ หรือต่ำเตี้ ยเรี่ ยดิน ก็นั่งถอนหายใจกันทั้งนั้น..

 

ขอบคุณ : heartmakes