เผย 5 พฤติ ก ร รมที่ “คนขิ้เกี ยจ” มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่น!
ในเรื่องของความขิ้เกี ยจนั้น มันคือสิ่งที่ทุกคนมีอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพียงแค่จะมีมากหรือมีน้อยต่างกันไปก็เท่านั้นหลายคนมองว่า
ความขิ้เกี ยจ คือสิ่งที่เ ล ว ร้ า ย ที่จะนำพาชีวิต ดิ่งและมีแต่จะถอยหลังไปเรื่อยๆ
แต่จะเกิ ดอะไรขึ้นนะ หากเรากำลังจะบอกว่า ความขิ้เกี ยจของคนนั้น คือส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเรา
มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จได้ เช่น
Charles Darwin เขาเป็นคนขิ้เกี ยจยิ่งกว่าตัวสล็ อ ต แบบว่าขิ้เกี ยจจนครูและพ่อแม่ รู้สึกทุ กข์ท ร ม า น
และต้องคอยเคี่ ยวเข็ญเขาอย่างหนักเพื่อที่จะให้เขาไปโรงเรียนบ่อยครั้งที่เขาหลับในห้องเรียน และไม่เคยทำการบ้ า นมาส่ง
แม้ว่าเขาจะกลายเป็นนักวิทย า ศาสตร์ นักเขียน แต่ผลงานแต่ละชิ้น ใช้เวลานานมากกว่าจะเสร็จได้
Wi n s t o n Churchill เป็นคนที่มีคะแนนตอนสมัยเรียน แ ย่มาก ตั้งแต่อนุบาล ถึงกระทั้งจบมัธยมปลาย
เขาไม่สามารถเข้าเรียนต่อมหาวิทย า ลัยได้เลย ไม่ชอบเล่นกีฬา
ไม่ชอบทำกิจกร ร มอะไรสักอย่าง แต่สิ่งที่ชอบคือการนั่งเฉย ๆ อยู่บนเก้าอี้โยก
แล้วสุดท้ายเขากลายเป็นนักก ารเมื องผู้ยิ่งใหญ่ หน้าที่หลักเขาก็คือการนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่เขาชอบนั่นแหละ
และนี่คือเหตุผล ว่าทำไมคนที่ขิ้เกี ยจ จึงมักจะมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จ มากกว่าคนปกติด้วยสิ!
1. เพราะคนขิ้เกี ยจ เขาไม่ได้แปลว่าไม่ฉลาด คนที่น่าจับตามองที่สุด คือคนขิ้เกี ยจที่ฉลาดนี่แหละ เพราะหากขิ้เกี ยจ
แล้วยังโ ง่เนี่ย ก็จบเลยขยันแต่ไม่ฉลาดก็จบเหมือนกัน หากขยันด้วยฉลาดด้วย ก็ถือว่าเป็นคนในอีกประเภท
แต่ที่บอกว่าคนขิ้เกียจ ที่ฉลาดนั้นน่าจับตามาอง ก็เพราะว่าคนเหล่านี้จะใช้ส ม อ ง ที่ดีของเขาทำทุกสิ่งอย่างให้รวดเร็ว
ด้วยขั้นตอนน้อยๆ เรียกได้ว่า หาวิธีที่ดีและง่ายที่สุดให้กับตัวเองเสมอ ฉะนั้นถ้าคุณต้องเลือกลูกน้องสักคน
ให้คุณนั้นเลือกคนที่ขิ้เกี ยจ แต่ฉลาด แล้วต่อไปคุณจะสบาย
2. ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่คนขิ้เกี ยจส่วนมากมักจะมีความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะถ้าหากว่า ต้องเข้าไปพัวพันในเรื่องของการ
จัดการ คุณจะยิ่งเห็นความคิดสร้างสรรค์ ของพวกเขา ก็เพราะว่าคนขิ้เกี ยจมักจะไม่ชอบอะไรที่มันซับซ้อน ไม่ชอบเสี ยเวลา
พวกเขาอย า กรีบทำอะไร ให้เสร็จไว ๆ จะได้เอาเวลาไปทำอะไร สไตล์ของตัวเอง ฉะนั้น ลองสังเกตพนักงานออฟฟิศ
ที่คุณอยู่ ดูก็ได้ว่า พนักงานคนใด ที่ว่าขิ้เกี ยจ พอโดนใช้งานพวกเขาจะรีบหาทางลัด
ที่มีประสิทธิภาพได้ใกล้เคียงกัน คือพย า ย า มทำทุกวิถีทางให้ชีวิตง่ายขึ้น
3. เพราะหลายคนประสบปัญหาการพักผ่อนไม่เพียงพอ และบางคนใช้พลั ง งานไปในแต่ละวันด้วยแต่ไม่รู้ว่าตัวเองควรที่จะพัก
ผ่อ น เมื่อไหร่ แต่สำหรับคนขิ้เกี ยจนั้น พวกเขารู้ดีว่าตอนใด เมื่อไหร่ที่พวกเขาเหนื่ อย ตอนไหนที่พวกเขาอย า กนอน
และการเป็นคนขิ้เกียจที่ชื่นชอบการพักผ่อน เป็นพิเศษนี่ไง ร่ า ง ก า ยของพวกเขา จึงแข็งแร ง เมื่อเทียบกับคนขยัน ๆ อย่างมากๆ
นักวิทย า ศาสตร์ ที่ต้องตื่น มาเฝ้าการท ดลองกลางดึก เมื่ออายุได้ 40 ปี ร่ า ง ก า ยของคนที่ใช้งาน มันไปกับการทำงานหนัก
จะร่วงโรย ไวกว่าคนขิ้เกี ยจเกือบเท่าตัวเลยเชียวล่ะ
4. เพราะคนขิ้เกี ยจ กล้าได้กล้าเสี ย เขามักมีโครงการ หรือความคิดมากมายเต็มหัวไปหมด เพราะพวกเขาว่าง วัน ๆ ไม่ค่อยจะทำ
อะไรไม่ต้องรับผิ ดชอบอะไร ปล่อยความคิดให้เกิ ดขึ้น แล้วก็ลอยออกมาจากสม อ งไปวัน ๆ แต่คุณหารู้ไม่ว่าสิ่งที่คนเหล่านี้คิด
ส่วนใหญ่จะเป็นไอเดียที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อื่น
5. พอมี Application หรือ Technology อะไรใหม่ ๆ มา หรืออะไรก็ตามที่สามารถช่วย ให้ผู้คนทำงานได้รวดเร็วหรือช่วยทุ่น
แร งได้ เขาทั้งหลายจะรู้เรื่องทั้งหมด และคนขิ้เกี ยจยังจะใช้งานมันได้เร็วกว่าคนปกติด้วยนะ ฉะนั้น จึงไม่แปลกที่คุณจะเห็นว่า
คนขิ้เกี ยจเขาจะพย า ย า มหาสิ่งใหม่ ๆ อัพเด ท มาทดล องใช้อยู่ตลอดเวลา
ก็เพราะว่าเขากำลังหาทางที่ จะสบายมากขึ้น ถ้าคุณอย า กสบายก็ทำตามเขาแต่ถ้าคุณมีความคิดอย่างนั้น
ก็แปลว่าคุณมีแนวโน้ม เป็นคนขิ้เกี ยจขึ้นมาแล้วนะ แต่มันอาจจะฟังดูขัดแย้ งกันไปหน่อย กับยุคสมัยที่อะไร
ก็ต้องฉับไวไปหมด แต่นั่นคือเรื่องจริง แม้การนั่งเฉย ๆ แบบคนขิ้เกี ยจมันอาจจะดูน่าเบื่ อไปสักหน่อย
แต่มันเป็นวิธีการที่ดี สำหรับการพัฒนาจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ไปในตัว
แม้ว่าเราจะเห็นกรณีตัวอย่างบุคคลที่ขิ้เกี ยจแต่ประสบความสำเร็จ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
เพราะทุกคนล้วนมีสิทธิ์ประสบความสำเร็จเท่า ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น “คนขิ้เกี ยจ” หรือ “คนขยัน” โดยสิ่งที่สังเกตุได้ของคนขิ้เกี ยจที่
ประสบความสำเร็จ คือพวกเขาจะมีวิธีบริหารจัดการ รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ และมุ่งมั่นกับสิ่งที่ทำ โดยไม่สนใจคนอื่น
ดังนั้น การที่จะประสบความสำเร็จไม่มีสู ต ร ต ๅ ยตัว แต่อยู่ที่วิธีของแต่ละคนมากกว่า..
ขอบคุณ : u n lo c k m e n