(ข้อความชวนให้ข้อคิด) จากสาวสวยท่านหนึ่ง ในการโพสใบหย่ า เล่าเรื่องรักสุดเจ็ บป ว ด
อีกหนึ่งเรื่องราว ของการ หย่ าร้ าง ที่เป็นข้อคิดดีๆ เป็นบทความที่เตือนสติได้ดีมากๆ
ช่วงหลายปีที่ผ่านมาฉันกำลังเดินอยู่บนถนนเล็กๆ
ที่สองข้างทางเป็นเ ห ว ฉันเดินตามคนๆ นึงด้วยความซื่ อสั ตย์อย่ าง
ไม่มีข้อแม้ตลอดทางฉันเห็นแต่แผ่นหลังของเค้า ฉันก็ตามไปอย่ างเชื่ อใจ เขาก็หันมามองฉันเป็นพักๆ
ฉันเองที่เป็นคนตัดสินใจมาเลือกมาเดินตามเขา ฉันจึงเดินต่อไปเรื่อยๆ
ระหว่างทาง ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ได้โ ร ย เ ศ ษแ ก้ วทิ้ งไว้บนพื้นขณะที่เดินตาม ฉันไม่เคยระวังตัวใดๆ
เพราะตามองอยู่แต่ที่หลังของเค้าด้วยความไว้ใจ ฉันรู้สึกเจ็ บที่เท้าแล้ว แต่ฉันก็ยังเดินตามต่อ
การขอโท ษและการให้อภั ยเกิ ดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เค้าก็ยังทำอีกจนในที่สุด
พื้นที่เราเดินก็เต็มไปด้วยเ ศ ษแ ก้ วชิ้นเล็กๆ มากมาย
ที่คอยทิ่ มตำเ ท้ าฉันอยู่ตลอดทุกก้าวที่เดิน แน่นอนว่ามันก็มีบางช่วงที่เป็นพื้นดินธรรมดา บางช่วงที่เป็นพื้นหญ้านุ่มๆ บ้าง
แต่เดินไปไม่นานก็กลับไปเจอเ ศ ษแ ก้ วอีก ที่ตลกคือ ฉันก็ยังคงทนเดินต่อไปเรื่อยๆ
เพราะคิดเสี ยดายที่อุส่าต์เดินตามมาตั้งนานแล้ว
และด้วยความหวังจากเสี ยงพูดของเค้า ที่ตะโ ก น มา เรื่อยๆ ว่าเค้าจะหยุดการกระทำแบบนี้แล้วนะ
ความเจ็ บ ป ว ดมันเพิ่มขึ้นมาอีก เมื่อมีเด็กคนนึงเกิ ดขึ้นมา
จากที่เดินด้วยน้ำหนักเราคนเดียวกลายเป็นต้องเดิน
โดยอุ้มเด็กคนนี้ไว้ที่แขน เพื่อไม่ให้เค้าโดนเ ศ ษแ ก้ วไปด้วย
เด็กโตขึ้นทุกวัน น้ำหนักก็มากขึ้นทุกวันตามไปด้วย
8 ปี..ในที่สุดเราก็เดินมาจนถึงทางแยก
ทางแยก 2 ทาง คือทางตรงทางเดิมที่แม้จะมีเ ศ ษแ ก้ วปะปร ายให้เห็น
แต่ก็ยังคงมีแผ่นหลังที่คุ้นเคยกับรอยยิ้มจริงใจของเค้าที่เหมือน
คอยให้ความหวังว่าเค้ากำลังจะเลิ กโ ร ยเ ศ ษแ ก้ วแล้วหรือจะเลี้ยวออกไปอีก
ทางที่มันโคตรมื ดและไม่รู้จะมีอะไรอยู่ข้างหน้า
ในใจคิดว่า ไม่ว่าจะเลือกทางไหนเราจะเอาเด็กคนนี้ไปด้วย ไม่ว่าจะเกิ ดอะไรขึ้นเราจะไม่ปล่อยเด็กแน่นอน
ที่ทางแยก…ฉันมองลงไปที่เท้าตัวเอง
ตอนนี้มันดูไม่เหมือนเท้าอีกต่อไป มันเต็มไปด้วยบ าดแ ผ ลนับไม่ถ้วน มันเจ็ บ มันช า แล้วกลับมาเจ็ บอีก วนไปเรื่อยๆ
วันนี้…ฉันตัดความเสี ยดาย 8 ปีที่ผ่านมาไว้ที่ตรงทางแยกนั้น แล้วเลือกเดินทางใหม่
ทางที่มันโครตจะมื ดและไม่รู้จะเจอกับอะไรอีกแต่อย่ างน้อยที่สุดทางนี้ก็ไม่มีเ ศ ษแ ก้ วอีกแล้ว
แน่นอนว่า เมื่อไม่มีเ ศ ษแ ก้ว ฉันจึงกล้าที่จะวางเด็กลงกับพื้น
แล้วจับมือกันเดินแทนการอุ้ มฉันรู้สึกดีขึ้นอย่ างประหล าด
จากที่เป็นแต่ผู้ตามที่ซื่ อสั ตย์ ฉันรู้ทันทีว่าตอนนี้ฉันต้องมาเป็นผู้นำที่เข้มแข็งแทนในวินาทีนี้เลย
เพราะ ฉันกำลังจะมีเด็กคนนึงเดินตามแผ่นหลังของฉัน
ตอนนี้ฉันยังเดินต่อไม่ค่อยไหวเลย จากนี้ฉันอาจจะนั่งลงใช้เวลาในการรักษาแ ผ ลที่เท้าไปซักพัก
แต่ไม่นานหรอกฉันจะลุกขึ้นแล้วเดินต่อ เดินไปไอ้ทางที่แ ม่ งโ ค ต รมื ดนี่แหล่ะ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
ฉันยังอยู่ ฉันยังไม่ ต ๅ ย ฉันจะไปต่อ ฉันจะไปได้โดยไม่ต้องเดินตามใครอีก และฉันไม่กลั วอะไรอีกแล้ว
..สิ่งที่หาย ากที่สุด ไม่มีที่ไหนขาย คือความเชื่ อใจ ต้องใช้เวลานานมาก
กว่าจะได้มันมา แต่ใช้เสี้ ยวนาที ที่จะเสี ยไป เมื่อเสี ยไปแล้วจะไม่มีวันหามันเจออีกเลย..
“ชีวิตของคนเราแขวนอยู่บนความไม่แน่นอน.. เราจะรู้ได้อย่างไรว่าวันพรุ่งนี้เราจะมีโอกาส ได้ทำอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่อย ากจะทำ
เรารู้ได้อย่างไรว่าเราจะมีโอกาส ในอนาคตที่จะทำในสิ่งที่อย ากจะทำ”
เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง คือ “ความไม่แน่นอน”
ขอบคุณ : p a r i n y a c h e e w i t