บางคนสร้างภาพตัวเอง อวดรวยหนี้สินท่วมหัว..หรือจะอยู่อย่างเรียบง่ายอย่างเก็บ (เขียนไว้ดีมากๆ)
พาไปรู้จักกับบุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่สวมบทบาทเป็นคน “รวยจอมปลอม” รู้ก่อนปรับตัวก่อนสาย มีใครเป็นแบบนี้กันไหม?
จะใช้ชีวิตแต่ละอย่างทั้งที ต้องทำตัวให้ดูดีราวกับไ ฮโ ซอยู่เสมอ ภาพลักษณ์
ภายนอกย่อมสำคัญเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ต่อให้ต้องลงทุนจ่ายมากหรือจ่ายหนักสักเท่าไหร่ก็ยิน ดีจ่ายเพื่อแลกมากับภาพลักษณ์
ที่ตนเองสร้างขึ้นมาเพื่อให้ใครหลาย ๆ คนมองว่า คุณคือผู้ดี ผู้ดี
ที่มีดีทั้งฐานะ ชื่อเสี ยงในสังคม ฯลฯ จนเข้าใจไปกว่า คุณคือไ ฮโ ซโ ก้เก๋ดี ๆ นี่เอง
กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต จะพาไปรู้จักกับบุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่สวมบทบาทเป็นคนลักษณะ
“รวย จ อ ม ป ล อ ม” กล่าวคือ คนกลุ่มนี้จะสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดีราวกับเป็นไ ฮโ ซ ร่ำรวย มีฐานะ มีช าติตระกูลที่สูงส่ง
แต่ในชีวิตจริงแล้ว ฐานะของตัวเองไม่ได้เป็นคนร่ำรวย มี ค ฤ ห าสถ์หลังใหญ่ ๆ แต่มี
หนี้สินรัดตัวมากมาย มีรายรับที่ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ทำให้ต้องใช้ชีวิตส่วนตัวแบบขั ดสน แต่การจะ
ออกงานสังคมทั้งที คนกลุ่มนี้จะพย าย ามปกปิดสถานะที่แท้จริงของตัวเอง เพื่อไม่ให้รู้สึกว่าตัวเองนั้น
เป็น “กาในฝูงหงษ์”
เรื่องราวแบบนี้ไม่ได้มีแค่ในละครน้ำเน่ าที่ออนแ อร์ทางโทรทัศน์แต่อย่างเดียว ในชีวิตจริงคนแบบนี้มี
อยู่จำนวนมาก ส่วนใหญ่เลี ยนแบบ พ ฤ ติ ก ร ร ม จากละครโทรทัศน์ทั้งนั้น เห็นตัวละครนี้ทำก็ทำตามเขา
บ้าง จนลืมนึกไปว่าโลกแห่งความจริงไม่ได้สวยหรูเหมือนในพล็ อตเรื่องละคร แน่นอนว่า
การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีอาจจะเป็นเรื่องปกติ
ที่ใครหลาย ๆ คนเขาก็ทำกัน เพราะเวลาออก งานสังคม หัว จ ร ด เท้าก็ต้องดูเป๊ะเวอร์อยู่แล้ว
เพราะถ้าไม่เ ป๊ ะเว่ อร์ คนในงานอาจจะมองคุณด้วยสายตา
แบบเหยี ยดหย ามหรือมองด้วยความประหล าด นี่ล่ะภาพลักษณ์สำคัญอยู่เสมอ แต่บางคนก็ลืมไปว่าภาพ
ลักษณ์ที่ดีไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องแสดงตัวเองเป็นคนรวย
มีฐานะให้คนอื่นเขารับทราบหรือชื่นชม เสมอไป เพราะความจริงก็คือความจริง
หากจับได้ภายหลังว่าคุณนั้น “รวยจ อ ม ป ล อ ม” น่าอับอ ายยิ่งกว่า..
ขอนำประสบกๅรณ์จากครอบครัวมาเล่ าเพื่อ เป็นแร งบันดาลใจ
และกำลังใจให้กับเพื่อนๆที่กำลังท้อในชีวิต
ได้กลับมา ฮึ ดสู้ได้ อีกครั้ง เพื่อนๆสามารถประยุ กต์ใช้กับตัวเองตามความเหมาะสมและความสะดวกของแต่ละคน
เริ่มจากแรกเริ่ม
ซื้อวั ว เลี้ยงไว้ 2 ตั ว ตัวผู้ 1 ตั ว. ตั วเมีย 1 ตั ว
1ปี ผ่านไป มีลูก 1 ตั ว =วั ว 2 ตัว (ราค า 50,000 บๅท)
ปีที่ 2 แม่คลอ ดลูก 1 ตั ว (+ 25,000)
ปีที่3 แม่ + ลูกตั วแรกคลอลูก 2 ตั ว (50,000)
ปีที่4 แม่ + ลูกที่1+คลอลูก 2 ตั ว (50,000)
ปีที่5 แม่ + ลูกที่1+ลูกที่ 2 คลอกลูก =(75,000)
ปีที่6 แม่ + ลูกที่1+ลูกที่ 2 (75,000)
ปีที่7 แม่ + ลูกที่1+ลูกที่2 + ลูกที่ 3 (100,000)
ตอนนี้เลี้ยงวัวมาแล้วกว่า 10 ปี
อย่างน้อยๆปีละ 100,000 บาท
จะเห็นได้ว่าวัวจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูนเรื่อยๆ
ทางครอบครัวเลี้ยงวั วเป็นอาชีwเสริมเพราะ อาชีwหลักคือ กรี ดยๅงซึ่งเป็นรายได้เข้ามาใช้ในการใช้จ่ายในแต่ละวัน
ปลูกผักสวนครัวไว้กินเองทำให้ค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารประหยัดได้มาก
และเลี้ยงวั วไว้เป็นเหมือนเงินออม ทรัwย์สินที่สะสมหากจำเป็นต้องใช้เงินก้อนก็สามารถข ายวั วได้
ตล าดวั วยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง
ราคาไม่มีการลดลง ยิ่งไว้นานยิ่งราคาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากในชนบทจะมีทุ่งนาที่กว้างใหญ่มาก
หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวนาปี จะเลี้ยงวั วแบบปล่อยตามทุ่งนา มีทั้งฟางข้าว ต้นหญ้าเป็นอาหาร
แต่ในช่วงปลูกข้าวประมาณ 5 เดือน จะเลี้ยงวั วในสวน
ซึ่งจะปลูกต้นหญ้าไว้ให้วั วกินในช่วงปล่อยไม่ได้เนื่องเข้าสู่ฤดูปลูกข้าว จะวนเวียนแบบนี้ทุกๆปี
เห็นไหมคะ การเลี้ยงวั วถือเป็นการออมเงินไว้เมื่ออย ากได้เงินก้อน ก็สามารถหยิบยื มมาใช้ได้ง่ายๆ
“นี่แหละชีวิตบ้านทุ่ง ขอแค่พอใจในสิ่งที่มี
ไม่ใช้จ่ายเกินตัว อยู่อย่างพอดี แต่มีเงินเก็บ..”
ไม่สำคัญคุณจะอยู่นานแค่ไหน แต่คุณมีชีวิตดีแค่ไหนเป็นสิ่งสำคัญ
ขอบคุณ : m e o k a y n a,ชีวิตบ้านทุ่ง